วันเสาร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2554

ประสบการณ์การจด PACS

เป็นครั้งแรกเลยค่ะที่ได้ยินว่า เราสามารถมาใช้ชีวิตอยู่กับแฟนได้โดยไม่ต้องทำการจดทะเบียนสมรส เพราะตอนไปขอวีซ่าระยะสั้นนั้นแฟนได้ถามทางสถานฑูตว่า ถ้าเกิดว่าเราต้องการอยู่ด้วยกันและศึกษากันก่อนแต่งงาน พอจะมีวีธรไหนบ้างที่จะได้วีซ่าโดยที่ไม่ต้องจดทะเบียนสมรส และเจ้าหน้าที่สาวสวยใจดีก็ได้อธิบายให้ฟังว่าสามารถทำได้โดยการจด PACS ในขณะนั้น หกปีก่อนน้อยคนที่จะรู้จัก และทำวีซ่าประเภทนี้ อาจจะพูดได้ว่าพวกเราเป็นคู่แรกๆเลยก็ว่าได้
บางคนถามว่าแล้วแตกต่างกับหารแต่งงานตรงไหน มันแตกต่างกันตรงที่ว่า คนที่ถือวีซ่า PACS จะไม่ได้การเรียนภาษาฟรี และไม่สามารถทำงานได้เลยในปีแรกที่มาถึง แต่พอคิดดูแล้วตามความเป็นจริงปีแรกของการมาตั้งหลักอยู่ฝรั่งเศสนั้น เราเองต้องการการปรับตัว ทั้งเรื่องของภาษา และวัฒนธรรม พร้อมทัั้งผู้คนรอบข้าง แม่กระทั่งคนไกล้ตัว จึงคิดว่าปีแรกคงเป็นไปได้ยากที่จะหางานทำ เพราะถึงมีวีซ่าที่ทำงานได้เลย แล้วใครล่ะจะรับเข้าทำงานทั้งๆที่ยังสื่อสารภาษาไม่รู้เรื่อง เรื่องนี้เลยตัดเลย  ส่วนเรื่องไม่ได้เรียนภาษาฟรีนั้น ตัวเราเองคิดว่า การศึกษาคือการลงทุน เพราะเคยคุยกับพี่ๆหลายคนที่มาอยู่ก่อนหน้านี้ ได้รับการเรียนฟรี แต่พอจบออกมาแล้วก็เหมือนการพูดได้ขั้นพื้นฐานเท่านั้น แต่ถ้าเทียบกับการเรียนกับทางโรงเรียนสอนภาษาโดยตรง ถึงจะต้องจ่ายเงินหน่อย แต่การเรียนการสอนจะแตกต่างกันมากมาย เพราะจะมีการสอนแบบแยกประเภทของนักเรียน ว่าอยู่ระดับไหน เค้าจะจับแยกให้อยู่กลุ่มเดียวกัน และเน้นจี้ให้เราพูด จะจับเอาแต่เนื้อๆมาสอนเน้นๆ สรุปพอจบออกมาแล้วถือว่าคุ้มมากๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าโรงเรียนที่ทางรัฐจัดให้เรียนฟรีจะสอนไม่ดีนะค่ะ แต่ด้วยนักเรียนแต่ละห้องค่อนข้างเยอะ ใครไม่ได้ก็ต้องรอ บางครั้งพูดซ้ำเรื่องเดียวอยู่หลายวัน คนที่ได้และเข้าใจไวก็จะเกิดอาการเบื่อนั่นเอง

นอกเรื่องมาเยอะ ตอนนี้มาดูสิว่าถ้าต้องการจด PACS จะต้องทำอะไรบ้าง แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ต้องวางแผนและติดต่อสอบถามเรื่องเอกสารก่อนที่เราจะเดินทางมาถึงฝรั่งเศสเป็นการดีที่สุด เพราะจะได้ทำการประทับตราและแปลเอกสารมาให้เรียบร้อย ไม่ต้องเสียเงินมากมายหลายรอบ

 ต้องทำการติดต่อกับทางศาลในเขตที่แฟนอาศัยอยู่ สอบถามเรื่องเอกสารว่าต้องการอะไรบ้าง เพราะแต่ล่ะเขต จะขอเอกสารไม่เหมือนกันนะค่ะ เน้นให้ถามก่อน เพราะสำคัญมากๆ จะฟังการบอกเล่าของคนอื่นอย่างเดียวไม่ได้ค่ะ


คุณสามารถอ่านตัวอย่างและข้อมูลต่างๆได้ที่ลิ้งนี้ค่ะ เพราะเป็นปัจจุบ้นมากที่สุด
ข้อมูลอย่างละเอียดค่ะ

ส่วนเรื่องเอกสารต่างๆบางคนอาจจะยังไม่เข้าใจว่าต้องไปหามาจากไหน แล้วต้องทำอย่างไงต่อ

คำถามที่เจอบ่อยคือ

  1.  ใบรับรองโสดต้องไปทำที่ไหน  
ตอบ คุณสามารถไปติดต่อขอใบรับรองโสดได้ที่อำเภอที่เรามีทะเบียนบ้านอยู่ค่ะ ใช้เวลาแค่วันเดียวค่ะ เอกสารใบนี้จะอยู่ได้แค่ 3 เดือน นับจากวันที่ทางอำเภอออกให้นะค่ะ แล้วไปทำการประทับตราที่กระทรวงการต่างประเทศค่ะ ( เค้าจะประทับตราในสำเนานะค่ะ เพราะฉนั้นถ่ายสำเนาไปด้วยค่ะ ) เสร็จแล้วค่อยเอาไปแปลและรับรองการแปลถูกต้องให้เรียบร้อยค่ะ ทางที่ดีแนะนำให้ไปแปลที่ สมาคมฝรั่งเศสค่ะ ดีที่สุด

     2. ใบเกิด,บัตรประชาชน,ทะเบียนบ้าน จำเป็นต้องทำการคัดลอกใหม่หรือเปล่า เพราะที่ระบุว่าเอกสารจะอยู่ได้แค่ 3  เดือน แล้วจะทำอย่างไร

ตอบ  ในกรณีของเอกสารทะเบียนราฏ ไม่จำเป็นต้องไปคัดลอกใหม่ค่ะ นอกเสียจากเอกสารชำรุดค่ะ แต่จะนับอายุของเอกสารจะอยู่ได้แค่ 3 เดือน หลังจากการประทับตราที่กระทรวงการต่างประเทศค่ะ  ไม่ได้นับจากวันที่ประทับตราการแปล หรือว่าวันที่ออกเอกสารนะค่ะ ยกเว้นในกรณีการขอคัดลอกเอกสารใหม่เท่านั้น ที่ต้องนับจากวันที่ทางอำเภอเป็นคนคัดลอกให้ค่ะ

     3. จะทำอย่างไงเมื่อทางราชการของฝรั่งเศสไม่เข้าใจว่า ใบเกิดของคนไทย จะออกให้แค่ใบเดียว และสามารถใช้ได้ตลอดชีวิต

ตอบ  อันนี้ไม่ต้องกลัวค่ะ เพราะจะมีเอกสารอีกตัวที่เราต้องขอจากทางกงศุลไทยในฝรั่งเศส เอกสารนี้ชื่อว่า certificat de coutumes ซึ่งภายในเอกสารใบนี้เค้าจะมีระบุว่าเรามีแค่ใบเกิดที่ได้มาตั้งแต่เกิดและสามารถใช้ได้ทั้งชีวิตค่ะ 

     4. แล้วใบ certificat de coutumes จะไปขอได้จากที่ไหน

ตอบ  เอกสารตัวนี้ต้องให้แฟนเป็นคนเขียนจดหมายไปขอจากทางสถานฑูตไทย ณ กรุงปารีส ค่ะ แนบจดหมายอธิบายว่าเราจะเอาเอกสารใบนี้ไปทำอะไร พร้อมแนบซองจดหมายเปล่า จ่าหน้าซองถึงตัวเอง พร้อมเช็คสั่งจ่าย 15 ยูโร ในนาม AMBASSADE ROYALE DE THAÏLANDE  , สำเนาหนังสือเดินทางทั้งของแฟนและของเราเอง ส่งจดหมายไปที่


AMBASSADE ROYALE DE THAÏLANDE
8, rue Greuze
75116 Paris

หรือมีข้อสงสัยอะไรสอบถามได้ทาง


Tél : 01 56 26 50 50
Fax : 01 56 26 04 45/46


     5.  แล้วเราสามารถจด PACS  ในระหว่างถือวีซ่าท่องเที่ยว หรือ วีซ่านักศึกษาได้หรือไม่

ตอบ  ได้ค่ะ เพราะเจ้าของบล๊อกก็จดตอนมีแค่วีซ่าท่องเที่ยวเหมือนกันค่ะ และก็มีน้องๆอีกหลายคนที่จดในระหว่างที่ถือวีซ่านักศึกษาค่ะ

    6. ถ้าในระหว่างถือวีซ่าท่องเที่ยวแต่ไม่ได้เตียมเอกสารใบรับรองโสดมาด้วยจะต้องทำอย่างไร

ตอบ สามารถติดต่อกับทางกงศุลไทยในปารีสด้วยตนเองค่ะ เพราะจะต้องทำการขอใบมอบอำนาจเพื่อจะส่งไปให้ญาติที่เมืองไทยเป็นคนไปขอให้ได้ค่ะ เน้นนะค่ะ ติดต่อด้วยตัวเองเท่านั้น ต้องเดินทางไปเองค่ะ

    7. ในการจด PACS สามารถจดระหว่าง ชาย - ชาย ได้หรือไม่

ตอบ ได้ค่ะ เพราะการจด PACS เกิดขึ้นก็เพราะกรณีนี้แหละค่ะ อีกอย่างที่นี่เป็นประเทศที่เสรีค่ะ 



หลังจากการจดเรียบร้อยแ้ว พอถึงกำหนดจะต้องกลับไปขอวีซ่าระยะยาวที่เมืองไทยนะค่ะ แต่จะได้เปรียบคนที่จดทะเบียนสมรสตรงที่ว่า ไม่ต้องรอสอบภาษาค่ะ พอไปถึงก็นัดวันแล้วขอวีซ่าได้เลยค่ะ ไม่ต้องรอเว้นระยะสามเดือนนะค่ะ เพราะบางคนอาจจะเข้าใจผิดว่าต้องรอเว้นระยะสามเดือนก่อนแล้วค่อยขอวีซ่าได้อีกที เน้นนะค่ะ กลับไปแล้วนัดวันและขอวีซ่าได้เลยค่ะ



ข้อแตกต่างหระหว่างการจด PACS และการจดทะเบียนสมรส

  1. การจด PACS ง่ายต่อการดำเนินการค่ะ เพียงแต่สิบนาทีเป็นเสร็จขั้นตอนค่ะ
  2. การจด PACS ไม่ต้องรอคิวสอบภาษา คือไปขอวีซ่าระยะยาวได้เลยค่ะ แต่วีซ่าติดตามสามีต้องรอผ่านการสอบภาษาก่อนค่ะ ถ้าสอบไม่ผ่านรอบแรก ก็ต้องเรียนอีกหลายชั่วโมงค่ะ กว่าจะได้วีซ่า
  3. การจด PACS จะไม่ได้รับสิทธิ์เรียนภาษาฟรีค่ะ อย่าไปคิดว่าเดี๋ยวให้ฉันรอต่อบัตรก่อนอาจจะได้เรียนฟรี อันนี้อย่าไปหวังค่ะ ให้อยู่กี่ปีห็ไม่ได้เรียนฟรีค่ะ แต่การมาวีซ่าติดตามสามีจะมีการให้ชั่วโมงเรียนฟรีค่ะ ก็แล้วเต่กรณีนะค่ะ คือตอนนี้ที่เจอปัญหากันมากคือ เมื่อคุณได้ทำการสอบภาษามาจากเมืองไทยมาแล้ว พร้อมได้ใบระบุในการสอบผ่านมากจากเมืองไทยแล้ว พอมาถึงที่ฝรั่งเศสบางคนเค้าก็ไม่ได้เรียนภาษาฟรีนะค่ะ เพราะเค้าจะบอกว่าเมื่อได้ใบมาแล้วแสดงว่าไม่ต้องเรียนแล้วผ่านเกณฑ์แล้วว่างั้น
  4. การลดหย่อนภาษีของแฟนหลังการจด PACS ตอนนี้ทางการได้ทำการให้ใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้สำหรับคู่จด PACS ค่ะ เทียบเท่าหับหารจดทะเบียนสมรสค่ะ
  5. ระหว่างการจด PACS คุณแฟนต้อง ห้ามเจ็บ ห้ามตาย ห้ามสูญหาย นะค่ะ เพราะว่าเราไม่สามารถแตะต้องอะไรของเค้าได้เลยสักบาทเดียว เราไม่มีสืทธิ์นะค่ะ คือ ตอนมามาอย่างไง ตอนกลับก็กลับอย่างงั้นน่ะค่ะ
  6. การจด PACS ไม่มีสืทธิ์นการทำงานในปีแรกค่ะ ไม่เหมือนวีซ่าติดตามค่ะ แต่จริงๆแล้วอย่างที่บอกก่อนหน้านี้คือ ปีแรกภาษายังไม่ได้ แล้วใครจะจ้างทำงาน อันนี้ถือว่าเสมอกันค่ะ
  7. ในการจด PACS จะต้องขอบัตรอยู่แบบปีต่อปี จำนวน 5 ใบ อันนี้ให้นับวีซ่าที่แทนบัตรใบแรกด้วยนะค่ะ และบัตรใบที่ 6 จะขอเป็นบัตรอยู่ 10 ปีค่ะ ( ให้นับจากจำนวนการขอบัตรนะค่ะ ไม่ได้นับจากวันที่เรามาถึง หรือระยะเวลาที่เราอยู่นะค่ะ) แต่ในส่วนของวีซ่าติดตามสามีนั้นจะขอบัตรปีต่อปีแค่ 3 ใบค่ะนับรวมวีซ่าที่แทนบัตรของปีแรกด้วยนะค่ะและใบที่ 4 จะขอเป็นบัตรอยู่อาศัยแบบ 10 ปี ค่ะ
  8. หลังการจด PACS แล้ว คำนำหน้าชื่อยังคงเป็นนางสาวค่ะ 

ข้อมูลอาจจะมีละเอียดยิบย่อยมากกว่านี้ค่ะ ก็แล้วแต่ปัญหาของแต่ละคนที่จะเจอค่ะ แต่มีอะไรก็สอบถามได้ค่ะ เดี๋ยววันหลังจะมาต่อ หรือมาอัพเดตเรื่อยๆค่ะ





ฉากชีวิตต่างแดนกำลังจะเริ่มขึ้น

ขอท้าวความเล็กน้อยว่าหลังที่ได้จบการศึกษาเป็นการเรียบร้อย ได้พบกับชายหนุ่มหน้าแขก ( แต่ไม่แขก ) และได้คบหาดูใจกันสักพัก เค้าบินมาไปอยู่สองรอบ และด้วยสิ่งนี้จึงทำให้ชายคนนี้พูดว่า ฮันอยากให้เธอไปหาครอบครัวฉันที่ฝรั่งเศสบ้าง เธอจะโอเคไหม แหมวินาทีนั้นแล้ว มีหรอจะปฎิเสธ ตอบแบบไม่ต้องคิดเลยว่าไป ฮ่าๆๆ แต่ด่านสำคัญคือพ่อและแม่นั่นเอง แต่ด้วยความที่เป็นคนตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วและเชื่อมั่นว่าเราเองตัดสินใจไม่ผิด เลยปรึกษากับพี่สาว ( พี่สาวอาศัยอยู่เมืองกังหันลม ) ว่าต้องทำอย่างไงดี เพราะจริงๆแล้วก็เพิ่งกลับมาจากที่ไปเยี่ยมพี่สาวมา เมื่อไม่นานก่อนตัดสินใจ สรุปได้ว่า ถ้าต้องบอกพ่อและแม่โดยตรงมีหวังไม่ได้ไปแน่ๆ เลยต้องทำการโกหกพ่อแม่สิงานนี้ ( นรกจะกินหัว ) แต่ชั่วโมงนั้นมองไม่เห็นนรกแล้วค่ะ นรกเอาไว้ทีหลังแลั้วกัน ( หนูๆอย่าทำตามเพราะทุกคนอาจจะไม่โชคดีเสมอไป ) พี่สาวโทรหาพ่อและแม่บอกว่า อยากให้เราไปอยู่ด้วยอีกสักพัก ประมาณ สาม เดือน ไม่ต้องสงสัยเลยค่ะ พ่อแม่อนุญาติทันที
สรุปแก้ปัญหาไปได้หนึ่งข้อ
ด่านที่สองคือ VISA อันนี้คือด่านหินสำหรับทุกคนเลยก็ว่าได้ แล้วมาดูกันว่า ไอ้วีซ่าท่องเทียวของฝรั่งเศสเนี๊ยะขออย่างไงถึงให้ได้มา

ก่อนอื่นให้ดูหนังสือเดินทางของตัวเองก่อนว่ามีอายุน้อยกว่าหกเดือนหรือไม่ เพราะถ้าจะหมดอายุภายในหกเดือน ก็ให้รีบไปทำใหม่ค่ะ หรือ อย่างกรณีของตัวเองคือ รูปในหนังสือเดินทางไม่เหมือนกันหน้าปัจจุบัน ( ฮ่าๆ สวยขึ้นว่างั้น ) เพราะทำตั้งแต่ไปเที่ยวยุโรปครั้งแรกตั้งแต่ปี 1999 สรุปต้องทำการขอใหม่จนได้



ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่าไอ้ชนิดของวีซ่าที่ขอนั้น จะต้องตรงกับจุดประสงค์ของการขอด้วย ถ้าต้องการไปเยี่ยมแฟนหรือเพื่อน ให้ระบุว่า วีซ่า Court séjour Visite privée ou amicale หมายความว่า วีซ่าระยะสั้น ไม่เกิน 90 วัน ประเภทการไปเยียมเพื่อนหรือแฟนเป็นหารส่วนตัว
ตอนนั้นที่ขอวีซ่าเราเองอยู่ในสถานะภาพเด็กเพิ่งหางานทำได้ค่ะ สรุปเลยว่าเอกสารการเงินของเราเอง เราก็ไม่ได้ให้ แถมกรอกไปด้วยว่าว่างงาน

ถ้าใครอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเอกสารเรื่องวีซ่า ก็ดูได้จากลิ้งนี้ได้เลยค่ะ
สำหรับหาข้อมูลพื้นฐานของการขอวีซ่าค่ะ

และก็สามารถหาข้อมูลคร่าวได้จากเว็ปนี้เช่นกันค่ะ
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการขอวีซ่าเยี่ยมแฟน

แต่จะบอกได้ก่อนเลยว่า กรณีของการขอวีซ่าของแต่ละคนเอกสารมันจะไม่เหมือนกันเหมือนไปค่ะ ที่เห็นเว็ปคือ เอกสารขั้นพื้นฐานที่ต้องมีแน่นอน แล้วก็ต้องหามายื่นให้ได้ว่างั้น แต่ตรงนี้ไม่้ได้หมายความว่าถ้ายื่นตรงกับลิสเอกสารทุกอย่างที่อยู่ในลิ้ง แล้วจะได้วีซ่าทุกคนเสมอไปนะค่ะ อันนี้ต้องถอยออกมามองความเป็นจริงด้วย ว่าสถานะในการขอของเราเป็นอย่างไง เช่น
  1. บางคนถามว่า ถ้าแฟนไม่ได้ทำงาน เอกสารจะต้องมีอะไรบ้าง ?
ตอบ  ก่อนอื่นต้องบอกให้ทำใจนิดนึง ที่ตกหลุมรักหนุ่มตกงาน เน้นให้คิดให้ดีๆก่อนเพราะถ้าครอบครัวของเค้าถ้าไม่ได้มีเงินถุงเงินถังแล้ว จะเป็นอะไรที่ยากสำหรับอนาคตที่เราสาวไทยจะต้องมาฝากไว้กับเค้า แต่ถ้าคิดว่า เอาน่าฉันรักของฉัน กัดก้อนเกลือกินก็เอา เอาความว่ารักไว้ก่อน อยากไปหาเค้าใจจะขาด โดยไม่นึกถึงส่วนของอนาคตข้างหน้าแล้วละก็ โอเคเพื่อความรักของคนสองคน คำแนะนำที่จะให้คือ ให้พ่อหรือแม่แฟนเป็นคนการันตี ค่าใช้จ่าย สากกะเบือยันเรือรบ และเพิ่มเอกสารของ พ่อแม่แฟนเข้าไป ร่วมกับเอกสารของแฟน เพื่อทำการการันตีร่วมกัน  ขอบอกตามตรงว่ากรณีเคยเห็นมาแล้ว และเคยช่วยให้เค้าได้มาหากัน รักกัน แต่สุดท้าย จบไม่ค่อยสวย เลยกลายเป้นเหมือนตัวเองผิดไปด้วย เหมือนการที่เราส่งให้เค้ามาจบแบบไม่สวยเท่าไหร่

     2. ถ้าในกรณีแฟนยังอยู่บ้านพ่อแม่อยู่ แต่มีงานทำเป็นหลักแหล่งแล้ว จะต้องเพิ่มเอกสารอะไรบ้าง?

ตอบ  อันนี้ต้องเพิ่มเอกสารของพ่อแม่แฟนซึ่งเป็นเจ้าบ้าน ให้พ่อแม่แฟนไปขอ Attestation d'accueil พร้อมทั้งให้พ่อแม่แฟนเขียนจดหมายอธิบายมาด้วยว่าเค้าจะเชิญเราไปทำไม 


   3. มีน้องคนนึงเคยถามมาว่า ถ้าแฟนหนูรายได้น้อยจะต้องทำอย่างไง ?

ตอบ ต้องให้คนในครอบครัวแฟนเป็นคนการันตีร่วมด้วยค่ะ หรือถ้ามีหลักทรัพย์อย่างอื่นด้วยก็ใส่เอกสารเข้าไปด้วยค่ะ เพราะคนที่นี่บางคน มีห้องให้คนอื่นเช่า แต่ไม่ยอมลงเป็นเงินรายได้เสียภาษี มันเลยกลายเป็นว่ารายได้น้อยไปซ่ะงั้น เลยเวลาจะเอาสาวไทยมาที่นี่มันเลยลำบากนิดนึง บางคนไม่รู้ขอหลายรอบไม่ผ่าน เพราะทางฝ่ายชายเองก็อายที่จะบอกตรงๆกับสาวไทยว่าตัวเองรายได้เท่าไหร่ เลยปล่อยให้เสียเงินขอวีซ่าไปหลายรอบ ถ้าเป็นแบบนี้สาวไทยอย่างเราๆต้องถามแฟนให้แน่ใจก่อนค่ะว่าเค้าจะไม่รำบากถ้าเอาเราไป เมื่อเรากล้าถาม เค้าก็กล้าตอบค่ะ เพราะคนที่นีก็จะพูดตรง ตอบตรงเช่นกัน แต่ต้องถามค่ะ


   4.เคยมีสาวไทยคนนึง ถามว่าขอวีซ่ามาสามรอบแล้วทำไม ไม่ผ่าน ทั้งๆที่แฟนก็เป็นเจ้าของร้านอาหาร หรือเจ้าของกิจการ? 

ตอบ พอถามว่าแล้วแฟนได้ส่งพวกสำเนาทะเบียนการค้า หรือ เอกสารที่บ่งบอกว่าเค้าเป็นเจ้าของกิจการโดยตรงหรือไม่ คำตอบที่ได้คือ ไม่มี เลยแนะนำไปว่าถ้าเป็นเรานะ จะมองจากสิ่งที่เป็นแนวโน้มในเรื่องของเอกสาร ต้องยื่นเอกสารที่ตรงกับกรณีของตัวเอง คือ เมื่อเป็นเจ้าของกิจการ ก็ต้องให้หลักฐานการจดทะเบียนการค้า และบัญชีรายรับที่เป็นชื่อของกิจการพร้อมทั้งมีชื่อแฟนอยู่ในนั้นจริงๆด้วย


นี่คือตัวอย่างของปัญหาของแต่ละคนในการขอวีซ่า แต่ต้องบอกไว้ก่อนว่าเจ้าของบล๊อกไม่ได้ทำงานสถานฑูตแต่อย่างใด ไม่ได้มีส่วนได้และส่วนเสียกับบริษัท หรือเอเจนซี่ที่ไหน ไม่เคยเรียกเก็บเงินใดๆทั้งสิ้น แต่เพราะเป็นคนที่ชอบอ่าน ชอบค้นคว้า ชอบถาม เลยมีแนวทางพอจะบอกคนอื่นได้ และด้วยประสบการณ์ของตัวเอง


วันนี้พอก่อนในเรื่องของวีซ่า เอาเป็นว่าใครอยากรู้อะไร ถ้าถามมา แล้วเจ้าของบล๊อกตอบได้ ก็จะรีบตอบ ช่วยได้จะรีบช่วย  เพราะการอยู่เมืองนอก ไม่ได้มีเวลาไปเข้าวัดทุกวัน แต่ทำบุญด้วยวีธีช่วยคนทางนี้ เพื่อเป็นกุศลให้ตัวเองบ้างเท่านั้นเอง

วันศุกร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2554

ที่มาของบล๊อกนี้

แค่อยากจะถ่ายทอดเรื่องราวและประสบการณ์ทั้งของตัวเองและของคนรอบข้างที่เราได้รับรู้ และได้เห็นมาด้วยตัวเอง ผ่านเป็นตัวอักษร เพื่อเป็นแนวทางให้คนอื่น ได้ดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมฝรั่งเศสอย่างมีความสุข เพราะยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่าง ที่ทุกคนจะต้องเจอในสิ่งที่คล้ายๆกัน เพราะเราคือผู้หญิงไทย ที่จะบ้าน จากเมือง จากครอบครัวอันเป็นที่รัก มาอยู่ที่ฝรั่งเศสกับคนที่รัก แต่บางครั้งคำว่ารักอย่างเดียวมันก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตดำเนินไปได้อย่างราบลื่น เพราะการมาอยู่ต่างแดนแบบนี้ ต้องคอยปรับตัวและทำความเข้าใจในสิ่งต่างๆของคนที่นี่ และสิ่งที่จะบอกเป็นเรื่องราวต่างๆเหล่านี้ ไม่จำเป็นจะต้องทำตามและไม่จำเป็นจะต้องเชื่อทุกอย่าง แต่ขอให้อ่านและจับให้ได้เป็นแง่คิดดีๆเอาไปจรรโลมจิตใจเท่านั้นเป็นพอ